5 ธันวาคม 2553
เชิญทุกท่านถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล
ณ วัดพุทธธรรม
8910 S. Kingery Hwy. Willowbrook IL
Tel. 630 789 8866
*****************************
กำหนดการ
เวลา 09:00 น. เจริญสมาธิภาวนา
เวลา 09:30 น. แสดงธรรม (อังกฤษ)
เวลา 10:45 น. ถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
เวลา 11:00 น. ตักบาตร และถวายสังฆทาน
เวลา 11.30 น. กรวดน้ำรับพร และรับประทานอาหารร่วมกัน
ทางหนังสือพิมพ์สยามทาวน์ยูเอสได้แจ้งข่าวมาว่า ขณะนี้ทางสยามทาวน์ได้จัดทำเว็บไซต์ของสยามทาวน์ ( http:www.siamtownus.com ) เรียบร้อยแล้ว หลังจากคณะดำเนินงานสยามทาวน์ยูเอสได้พยายามที่จะทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีต่อไปเพื่อสังคมคนไทยทั่วสหรัฐฯ
ตามที่เราทราบกันแล้วว่า เมื่อไทยทาวน์ยูเอสเอได้ปิดตัวลง สยามทาวน์ยูเอส ได้เปิดตัวใหม่ต่อ ตอนแรกทำได้เพียงหนังสือพิมพ์เท่านั้น บัดนี้เว็บไซต์ของสยามทาวน์ยูเอสได้จัดทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และจะพยายามปรับปรุงไปเรื่อยๆเพื่อให้ทุกท่านที่ติดตามได้รับข่าวสารให้มากที่สุด
ในนามสื่อมวลชนของชิคาโก ขอเรียนเชิญพี่และเพื่อนๆ ตลอดจนคนไทยทุกท่านเข้าไปติดตามข่าวต่างๆจากสยามทาวน์ยูเอสเว็บไซต์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ผ่านมาภาพข่าวมีไม่มากนัก เนื่องจากหนังสือพิมพ์ มีเนื้อที่จำกัดให้แต่ละเมืองทั่วสหรัฐฯ
ในโอกาสต่อไปภาพข่าวของสยามทาวน์ ชิคาโก ทางเว็บไซต์ สามารถเพิ่มเติมมากกว่าเดิม สำหรับท่านใดที่มีข่าว/ภาพข่าวต้องการจะช่วยให้ประชาสัมพันธ์ กรุณาส่งมาตามอีเมล์นี้ภายในวันอาทิตย์ของทุกสัปดาห์ เพื่อทางเราจะได้เตรียมส่งต่อไปให้สยามทาวน์ยูเอส ได้ทันภายในวันอังคาร
จึงเรียนมาเพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบและติดตามข่าวจาก สยามทาวน์ยูเอสได้ทุกสัปดาห์ ในวันพฤหัสบดี สำหรับนักธุระกิจ ร้านค้า สมาคมชมรมฯ ที่จะลงโฆษณา กรุณาติดต่อที่แผนกโฆษณาของสยามทาวน์ยูเอสได้ตลอดเวลาด้วยตนเอง
ขอกราบขอบพระคุณที่อดใจรอและติดตามข่าวของสยามทาวน์ยูเอสมาโดยตลอด
ขอแสดงความนับถือ
วรรณดี เลิศบูรพา
สื่อมวลชนไทย นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา
พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์ : piralv@yahoo.com
มีหลายคนถามผมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกากับพม่าว่าอยู่ในสถานะ อย่างไรในช่วงที่ผ่านมา และถึงตลอดถึงทุกวันนี้ที่เป็นช่วงเวลาที่มีการข่าวขานโจษจันกันถึงบทบาทของ นางออง ซาน ซูจี ผู้นำพรรคประชาธิปไตยแห่งชาติหรือเอ็นแอลดีอย่างมาก เนื่องจากเธอเพิ่งได้รับการปลดปล่อย(เมื่อ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา) หลังจากถูกกักบริเวณโดยรัฐบาลทหารที่กรุงย่างกุ้งมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากการเลือกตั้งในพม่า (7 พ.ย.) เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน และนับเป็นเหตุการณ์ที่นานาชาติต่างให้ความสนอย่างยิ่ง ไทยในฐานะเพื่อนบ้านของพม่าก็ได้รับการกล่าวขาน ทำให้มีชื่อปรากฎอยู่ในข่าวนี้เช่นกัน โดยที่สำนักข่าวต่างๆ เองก็พากันไปใช้ไทยเป็นฐานในการรายงานข่าว เนื่องจากทางการพม่า ไม่ให้สื่อ เดินทางไปทำข่าวเลือกตั้ง ยกเว้นสื่อ ของตัวเองและสื่อที่รัฐบาลเลือกเฟ้นแล้วเท่านั้น
เรื่องของคนอเมริกัน รัฐบาลอเมริกัน กับประเทศพม่า ตามความเข้าใจของคนส่วนใหญ่ อาจคิดว่า อย่างไรเสียรัฐบาลอเมริกันคงต้องสนับสนุนขบวนการประชาธิปไตย ที่มีนางอองซานซูจีเป็นแกนนำ ซึ่งก็ไม่ผิด เมื่อดูจากท่าทีของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แม้กระทั่งนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่ออกมาตำหนิรัฐบาลทหารพม่ากรณีการจัดการ การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และการให้อิสรภาพแก่นางซูจี
กระแสสนับสนุนนางซูจี มีสูงมากเป็นธรรมดาในบรรดาประชาชนและประชาชาติตะวันตกดูจากรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพที่เธอได้รับเมื่อปี 1991 ซึ่งสำหรับรางวัลในสาขานี้กล่าวได้ว่า เป็นสัญลักษณ์ของความคิดเห็นของคนตะวันตกเลยทีเดียว
นอกเหนือไปจากกระแสสนับสนุนของค่ายสื่อตะวันตกและแม้กระทั่งสื่อไทย ที่รายงานข่าวกันอย่างต่อเนื่องและครึกโครม ไม่รวมถึงองค์กรสิทธิมนุษยชนจำนวนมาก ที่ทำงานด้านพม่า ทั้งในเมืองไทย และจากประเทศตะวันตก ซึ่งต้องยอมรับว่า ได้รับเงินสนับสนุนจากอัสดงคตประเทศจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกัน ทั้งที่ว่ากันตามความจริงแล้ว หากพูดถึงพม่าแล้ว คนอเมริกันรู้จักมากกว่าเมืองไทยเสียด้วยซ้ำ จะพูดเปรียบเทียบระหว่าง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับนางซูจี ให้เสียเวลาไปไย
ผมเองไม่ใช่นักวิชาการ แต่จะพูดจากประสบการณ์เท่าที่พบเห็นด้วยตัวเอง ทั้งในอเมริกาและเมืองไทย โดยเฉพาะในอเมริกาเอง มีชาวพม่าและชาวชนกลุ่มน้อย อพยพมาอยู่ที่นี่จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะชนเชื้อชาติกะเหรี่ยง นับแต่สมัยนายพลโบเมี๊ยะ อดีตผู้นำกะเหรี่ยงคริสต์มาแล้ว โดยเขามี “ลุงแซม” มือขวา ทำหน้าที่ประสานงานการช่วยเหลือจากอเมริกา ต่อกองทัพกะเหรี่ยงในพม่า เพื่อต่อสู้กับรัฐบาลทหาร
ผมเจอทั้งผู้ปฏิบัติงานประสานระหว่าง 2 ประเทศ เครือข่ายด้านเงินสนับสนุน และนักศึกษาชนกลุ่มน้อย(มากที่สุดคือชนกะเหรี่ยง) ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนเล่าเรียนจากรัฐบาลอเมริกัน ในฐานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง พวกเขาเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วอเมริกา บ้างก็ทำงานในหน่วยงานเอกชน ได้แก่ ธนาคาร และบริษัทต่างๆ
เครือข่ายนี้ ยังเชื่อมโยงไปถึงนักการเมืองของอเมริกันบางคน ที่สนใจต่อประเด็นชนกลุ่มน้อย สิทธิมนุษยชน นโยบายความมั่นคงในภูมิภาคและเศรษฐกิจต่อพม่า
จนถึงตอนนี้ เครือข่ายชนกลุ่มน้อยในอเมริกา ก็ยังทำกิจกรรมอยู่ เพียงแต่ประเด็นสำคัญ คือ พวกเขาไม่ได้เห็นด้วยกับนางซูจีไปเสียทุกเรื่อง
ถึงตอนนี้ ผมอยากจะแยกเรื่องนี้ ออกเป็น 2 หมวดครับ
หมวดแรก ว่าด้วย ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลอเมริกัน นักการเมืองอเมริกัน และคนอเมริกัน ต่อพม่า ซึ่งมีจุดยืนที่แตกต่างกัน เอาเฉพาะผู้ที่มีบทบาทและหน้าที่ อย่าง รัฐบาลและนักการเมืองอเมริกัน ก็มีทัศนะต่อพม่าที่แตกต่างกัน สมาชิกคองเกรสหลายคน แม้กระทั่งนักการเมืองในพรรคเดโมแครตเองก็ตำหนิการให้ความเห็นของวุฒิสมาชิก จิม เว็บบ์ แห่งเวอร์จิเนีย ครั้งที่เขาเดินทางไปพม่าและเมืองไทย
สส.แคลิฟอร์เนีย อย่างดาน่า รอห์บาคเกอร์(รีพับลิกัน) ซึ่งศึกษากรณีชนกลุ่มน้อยในพม่ามานาน (คนทำวิจัยกรณีชนกลุ่มน้อยฯให้เขา คือ อัล แซนโตลี) ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับการโจมตีรัฐบาลพม่าแบบไม่ยั้งของซีเนเตอร์เวบบ์ สส.รอห์บาคเกอร์ ต้องการให้เปิดช่องไว้สำหรับรัฐบาลอมริกัน ที่จะเข้าหารัฐบาลทหารของพม่าบ้าง เพื่อประโยชน์ด้านธุรกิจและการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการคานอำนาจกับจีน ไม่เช่นนั้นแล้วอเมริกันจำต้องใช้ไทยเป็นฐานประสานในการติดต่อกับรัฐบาลพม่า ได้เพียงทางเดียว
เท่าที่ผมได้คุยด้วย เวลานี้ ที่ปรึกษาของสว.และสส.อเมริกันหลายคน เป็นห่วงโอกาสการลงทุนของบริษัทและเอกชนอเมริกันในพม่า
เชฟรอน เจ้าของเท็กซาโก ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันใหญ่สัญชาติอเมริกัน เข้าไปเทคโอเวอร์ต่อจากยูโนแคล เจาะน้ำมันจากแหล่งยานาดา เมื่อปี 2005 ร่วมกับหลายบริษัทจากต่างประเทศ โดยเฉพาะบริษัทจากจีน ที่มีมูลค่าการลงทุนสูงสุดในพม่าเวลานี้
ก่อนหน้านี้ไม่นานผมเพิ่งทราบจากผู้นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่มาร่วมงานเฟอร์นิเจอร์เวิร์ลเอ็กซ์โป ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีที่เมืองลาสเวกัส ว่า ไม้ที่นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์จำนวนไม่น้อยที่มาจากพม่า โดยส่งมาแปรรูปที่มาเลซียและสิงคโปร์ ก่อนส่งต่อมายังตลาดอเมริกา
พม่ากับเกาหลีเหนือจึงต่างกัน ด้วยเหตุที่พม่ามีฐานทรัพยากร ที่อุดมกว่า โอกาสการลงทุนของนักธุรกิจอเมริกันย่อมมีมากกว่า
ข่าวการส่งจดหมายของนางฮิลลารีไปหานางซูจีเป็นการส่วนตัว จึงได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสื่ออเมริกันในประเทศจำนวนไม่น้อยทีเดียว
หมวดที่สอง ว่าด้วย ขบวนการประชาธิปไตย ในพม่า ซึ่งเชื่อมไปยังแนวร่วมขบวนการฯในประเทศตะวันตก โดยเฉพาะในอเมริกา ที่มีความเห็นไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าพม่าประกอบไปด้วยกลุ่มชนหลายเชื้อชาติ ซึ่งเมื่อรวมเชื้อชาติเหล่านี้เข้าด้วยกันแล้ว ทำให้ชนเชื้อชาติพม่าผู้ปกครอง กลายเป็นชนกลุ่มน้อยไป
หรือแม้แต่ความเห็นของชนเชื้อชาติพม่าเดียวกัน หลายคนไม่เห็นด้วยการกับแสดงบทบทบาทของนางซูจี อย่างเช่นความเห็นของนักหนังสือพิมพ์พม่าพลัดถิ่น อย่าง ริช มูเกอร์ดัม ที่เสนอไว้ในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ (http://www.washingtonpost.com/wp-dyn/content/article/2010/11/15/AR2010111507677_Comments.html) ไม่นาน มานี้ เกี่ยวกับที่มาที่ไปและสถานการณ์หลังรัฐบาลพม่าปล่อยตัวนางซูจี เขาตั้งข้อสังเกตเชิงลบต่อการกระทำของนางซูจีในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งข้อเรียกร้องให้ประเทศตะวันตกเลิกยุ่งกับเรื่องภายในของพม่าเพื่อผล ประโยชน์ของแต่ละประเทศนั้นๆเองเสียที
บนความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน ล็อบบี้ยีสต์อเมริกันบางคนบอกกับผมว่า ชนพม่าพลัดถิ่นที่อาศัยในอเมริกาและแคนาดาเวลานี้ ได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนต่างด้าวมืออาชีพ ที่มาทำงานอยู่สองประเทศเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเรื่องสถานะของวีซ่า และโอกาสในการทำงานต่างๆ
โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าไม่ง่ายสำหรับนางซูจี ที่จะดำเนินบทบาททางการเมืองในพม่า ในช่วงสถานการณ์โลกอย่างปัจจุบัน แม้จะได้รับการสนับสนุนจากประเทศตะวันตก แม้แต่อเมริกาเองก็เล่นบทตีสองหน้า อีกด้านหนึ่งสิทธิมนุษยชน ประชาธิปไตย อีกด้านหนึ่งหวังผลทางด้านธุรกิจและผลต่อการเมืองระหว่างประเทศ
ในรอบ 20 ปีเหตุการณ์โลกได้เปลี่ยนไปอย่างมาก การไม่แยแสต่อ “กระแสประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน”ของบริษัทธุรกิจต่างๆที่เข้าลงไปลงทุนใน พม่า การค่อยๆผ่อนคลายการจำกัดควบคุมในเรื่องต่างๆของรัฐบาลพม่า ตลอดถึงการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา(แม้จะถูกกล่าวหาว่าสักแต่เป็นพิธีการ เลือกตั้งก็ตาม) ทำให้แรงกดอัด ที่มีต่อรัฐบาลพม่าลดน้อยลง ไม่เหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ ทีกระแสกลับไหลบ่าเทไปยังนางซูจี
ความจริง ก็คือ พม่าได้ได้เปลี่ยนโฉมไปบ้างแล้ว แม้จะไม่มากมายแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินก็ตาม ประเด็นเศรษฐกิจกลายเป็นเรื่องหลัก การเมืองเป็นเรื่องรอง
ประกอบกับจีนเองหนุนหลังรัฐบาลพม่าในแทบทุกๆเรื่องอย่างสม่ำเสมอ ในท่วงทำนอง “เขตอิทธิพล(เงิน)หยวน” แรงสนับสนุนจากประชาชนพม่าของนางซูจี อาจปลุกกระแสให้ขึ้นได้ แต่ไม่ง่าย และไม่มากเหมือนเมื่อก่อน
กระแสที่สื่อไทยและสื่อตะวันตกส่วนใหญ่พากันปลุก….จึงอาจเป็นเพียงการรับฟังกันแค่ในหมู่สื่อเองก็เท่านั้น
ขอเชิญท่านร่วมงาน You are Invited:
แสงเทียนแห่งคริสตมาส
Christmas Candle Light Service
December 19
4:30pm Worship
Featuring Special Music, Thai dance, Skit and Candle Light Service
Pastor Ray Legania Assistant to the Bishop Metropolitan Chicago Synod Preaching
6:00pm Thai Dinner
St. Paul Thai Church
คริสตจักรเซ็นต์พอล ไทย
7416 Dixon St., Forest Park
630-972-1747 630-863-8634
_____________________________________________
What Is In Your hand?
If you have a tendency to despair over lost opportunities or if you worry about the future, ask yourself this question: “What is right in front of me?” In other words, what circumstances and relationships are currently available to you? This question can get your focus off a past regret or a scary future and back to what God can do in your life.
It’s similar to the question God asked Moses at the burning bush. Moses was troubled. Aware of his own weaknesses, he expressed fear about the Lord’s call for him to lead Israel out of bondage. So God simply asked Moses, “What is that in your hand?” (Ex. 4:2). The Lord shifted Moses’ attention away from his anxiety about the future and suggested he notice what was right in front of him—a shepherd’s rod. God showed Moses that He could use this ordinary staff to perform miracles as a sign for unbelieving people. As Moses’ trust in God grew, so did the magnitude of miracles God worked through His servant.
Do you think about past failures too much? Do you have fearful thoughts about the future? Recall God’s question: “What is that in your hand?” What current circumstances and relationships can God use for your benefit and His glory? Entrust them—and your life—to Him.
Onward and upward your course plan today,
Seeking new heights as you walk Jesus’ way;
Heed not past failures, but strive for the prize,
Aiming for goals fit for His holy eyes. —Brandt
You can’t change the past,
but you’ll ruin the present by worrying about the future.
+++
อะไรอยู่ในมือของท่าน
อพยพ 4:1-5
หากคุณมักท้อแท้กับโอกาสที่คุณสูญเสียไป หรือหากคุณรู้สึกกังวลกับอนาคต จงถามตัวเองว่า “มีอะไรอยู่ต่อหน้าฉันบ้าง” หรือพูด อีกนัยหนึ่งคือ คุณกำลังเผชิญกับสถานการณ์ หรือความสัมพันธ์แบบไหนในขณะนี้ คำถามนี้จะช่วยให้คุณเลิกจดจ่อกับความเศร้าโศกในอดีต หรืออนาคตที่น่ากลัว และกลับมาจดจ่อกับสิ่งที่พระเจ้าสามารถกระทำในชีวิตของคุณ
เช่นเดียวกับที่พระเจ้าตรัสถามโมเสสที่ตรงพุ่มไม้ไฟ ซึ่งโมเสสรู้สึกอึดอัดใจ ท่านรู้ดีว่าจุดอ่อนของท่านคืออะไร ท่านจึงแสดงความกังวล เมื่อพระเจ้าทรงเรียกท่านให้นำชนชาติอิสราเอลออกจากการเป็นทาส แต่พระเจ้าทรงถามโมเสส แต่เพียงว่า “อะไรอยู่ในมือของเจ้า” (อพย.4:2) พระเจ้าทรงหันความสนใจของโมเสสออกจากความกังวลถึงอนาคตและแนะนำให้ท่าน สังเกต สิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งก็คือไม้เท้า พระเจ้าทรงสำแดงให้โมเสสเห็นว่าพระองค์สามารถใช้ไม้เท้าธรรมดากระทำการ อัศจรรย์เป็นหมายสำคัญให้กับผู้ที่ไม่เชื่อ เมื่อโมเสสวางใจในพระเจ้ามากขึ้น พระเจ้าก็ทรงกระทำการอัศจรรย์ผ่านผู้ รับใช้ของพระองค์ได้มากขึ้น
คุณคิดถึงความล้มเหลวในอดีตมากเกินไปหรือเปล่า? คุณมีความคิดกังวลเรื่องอนาคตอยู่หรือไม่? จงคิดถึงคำถามของพระเจ้าที่ว่า “อะไรอยู่ในมือของเจ้า” สถานการณ์ใดและความสัมพันธ์ไหนในปัจจุบันที่พระเจ้าใช้ได้ เพื่อประโยชน์ของคุณและเพื่อพระเกียรติของพระองค์? จงมอบสิ่งนั้นรวมทั้งชีวิตของคุณไว้กับพระเจ้า – HDF
จงมั่นใจมุ่งไปไม่ท้อถอย
เดินตามรอยมรรคาพระเยซู
อย่าท้อแท้หมดหวังหาทางสู้
จงมุ่งสู่หลักชัยในพระองค์ – Brandt
คุณเปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่คุณกำลังทำลายปัจจุบัน หากคุณกังวลเกี่ยวกับอนาคต
No comments:
Post a Comment