Wednesday, September 15, 2010

Thai Trade New York Updates

ผลกระทบค่าเงินบาทแข็งต่อการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกา

การแข็งค่าของเงินบาท จะมีผลกระทบมากน้อยต่อการส่งออกของไทยไปยังสหรัฐอเมริกามากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 3 ประการ

1) การแข็ง/อ่อนค่า ของเงินสกุลคู่แข่งที่ส่งสินค้าไปสหรัฐอเมริกา

ประเทศคู่แข่งของไทยในอาเซียน มีค่าเงินแข็งค่าขึ้นเฉลี่ย 6% ดัง นั้นผลกระทบจากการที่ผู้นำเข้าจะหันไปซื้อสินค้าจากประเทศคู่แข่งในอาเซียน คงจะมีน้อย แต่หากเป็นประเทศที่ค่าเงินไม่แข็งขึ้น อาจจะทำให้ผู้นำเข้าหันไปซื้อสินค้าจากประเทศดังกล่าว

อย่าง ไรก็ตาม การที่ค่าเงินแข็งขึ้นในหลายประเทศ ไม่ได้เป็นเพราะการแข็งค่าโดยเศรษฐกิจของประเทศนั้นๆเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการแข็งค่าในเชิงเปรียบเทียบกับค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ สาเหตุหนึ่งมาจากการที่ค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯอ่อนลงอย่างมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยขึ้นอีก เนื่องจากผลจากเงินกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถแก้ปัญหาการว่างงานได้ ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ (Domestic Consumption) ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงของ GDP ได้ อีกทั้งปัญหา Sub Primeก็ ยังไม่ได้รับการแก้ไขให้หมดไป เป็นเหตุให้ต้องปรับลด GDP ในปีนี้ลง และประธานาธิบดีโอบามาได้ประกาศนโยบายชัดเจนที่จะเพิ่มการส่งออก เพื่อช่วยเหลืออุตสาหกรรม SME ของสหรัฐฯ ดังนั้นคาดว่าสหรัฐฯจะยังคงรักษาระดับค่าเงินให้อ่อนต่อไป เพื่อกระตุ้นการส่งออกให้เพิ่มขึ้นตามนโยบายที่ประกาศไว้ อย่างน้อยก็จนถึงการเลือกตั้งกลางเทอม ในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้

2) โครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยไปสหรัฐอเมริกา

สินค้าที่สหรัฐฯนำเข้าจากไทยอันดับต้นๆ ได้แก่

มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐฯ มกราคม-มิถุนายน 2553

สินค้า

มูลค่านำเข้าจากไทย

%การนำเข้ารวมสินค้าจากไทย

มูลค่านำเข้าจากทั่วโลก

%การนำเข้ารวม

ของสหรัฐฯ

คู่แข่ง

1. Automated Data Process

1,607.20

15.40

32,740.09

4.91

จีน 61.76% เม็กซิโก17.24%

มาเลเซีย 4.14%

สิงคโปร์3.36%

2. Electric Apparatus

872.36

8.36

31,064.73

2.81

จีน 41.02%

เม็กซิโก19.51%

เกาหลี11.91%

มาเลเซีย6.47%

3. Crustaceans, Live, Fresh,etc.

(Mainly Frozen Shrimp)

320.04

3.07

1,901.97

16.83

แคนาดา25.21%

อินโดฯ10.13%

เม็กซิโก4.80%

เวียตนาม6.06%

4. TV Receiver VDO etc.

292.87

2.81

15,682.46

1.87

เม็กซิโก45.73%

จีน 42.39%

ไต้หวัน 2.68%

ญี่ปุ่น 2.38%

5. Jewelry

397.57

3.81

2,858.39

13.91

อินเดีย21.30%

จีน 15.41%

อิตาลี 8.33%

ฝรั่งเศส4.07%

6. Electronic Integrated Circuit

369.10

3.54

8,745.25

4.22

ไต้หวัน16.31%

เกาหลี15.16%

มาเลเซีย13.45%

อิสราเอล1.15%

7. Crustaceans, Molluscs, etc.

(Mainly Shrimp)

282.17

2.70

815.24

34.61

จีน 19.18%

อินโดฯ15.33%

แคนาดา10.39%

เวียตนาม5.87%

8. Prep or Preserved Fish

(Mainly Canned Tuna)

262.71

2.52

654.36

40.15

แคนาดา6.05%

จีน 9.24%

เอควาดอ6.69%

ฟิลิปปินส์4.44%

9. Trans Appar for Radio TV Camera, etc.

210.47

2.02

5,190.07

4.06

จีน 43.50%

ญี่ปุ่น 22.13%

แคนาดา6.13%

อินโดฯ2.77%

10. Crude Oil

183.37

1.76

129,089.12

0.14

แคนาดา18.99%

เวเนซูเอลา 11.15%

เม็กซิโก10.87%

ซาอุฯ11.42%

11. Article of Apparel & Accessories (Mainly Glove)

248.54

2.38

873.43

28.46

มาเลเซีย52.78%

จีน 8.00%

อินโดฯ6.11%

ศรีลังกา1.75%

12. Rice

197.60

1.89

283.50

69.70

อินเดีย18.27%

ปากีสถาน3.66%

เวียตนาม1.18%

13. New Pneumatic Tires, Of Rubber

254.17

2.44

4664.06

5.45

จีน 20.86%

แคนาดา19.17%

ญี่ปุ่น15.42%

เกาหลี11.69%

14. Natural Rubber

294.33

2.82

1,309.30

22.48

อินโดฯ59.95%

ไลบีเรีย4.50%

มาเลเซีย5.42%

เวียตนาม1.36%

15. Fruits, Nuts etc. Prepared

(Mainly Pineapples, Fruit Mixtures)

139.48

1.34

792.26

17.60

จีน 28.97%

เม็กซิโก13.93%

แคนาดา7.97%

ฟิลิปปินส์ 6.72%

พิจารณา จากโครงสร้างสินค้าไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จะเห็นว่า 2 อันดับแรกซึ่งเป็นสินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ และมีสัดส่วนการส่งออก เกือบ 24% ของ การส่งออกรวมจากไทยไปสหรัฐฯ ประเทศที่ครองสัดส่วนสูงสุดอยู่คือ จีน ซึ่งคงจะไม่ใช่คู่แข่งโดยตรงของไทย และรองลงมาคือ เม็กซิโก ซึ่งมีความได้เปรียบในการตั้งฐานการผลิตของบริษัทต่างชาติเพื่อใช้สิทธิ ประโยชน์ของ NAFTA ในการส่งออกไปสหรัฐฯ คู่แข่ง โดยตรงของไทยน่าจะเป็นมาเลเซีย ซึ่งมีสัดส่วนการส่งออกไปสหรัฐฯใกล้เคียงกับไทย และมีการแข็งค่าของเงินริงกิต/เหรียญสหรัฐ สูงมากกว่าเงินบาท ดังนั้นจึงไม่น่าจะแย่งสัดส่วนการส่งออกของไทยได้

สินค้าที่จะมีผลต่อตัวเลขส่งออกอีกรายการหนึ่งคือ กุ้ง (อันดับ 3 และ 7) โดยเฉพาะอันดับ 7 กุ้งแช่แข็งของไทยครองสัดส่วนเป็นอันดับ 1 ของ การนำเข้าของสหรัฐฯ ทิ้งคู่แข่งคือ จีนและอินโดฯ ไกลพอสมควร ผลกระทบในปีนี้จากการแข็งค่าเงินบาทน่าจะไม่มากนัก เนื่องจากในปีนี้มีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ ทั้งภายในประเทศสหรัฐฯ (จากเหตุน้ำมันรั่วในอ่าวเม็กซิโก) และในประเทสคู่แข่ง (โรคระบาดกุ้งในอินโดฯ) น่าจะทำให้มีความต้องการซื้อกุ้งจากไทยเพิ่มขึ้น

สินค้าสำคัญอีกรายการหนึ่งคือสินค้าอันดับ 8 ปลาทูน่ากระป๋อง ซึ่งไทยครองอันดับสูงสุดอยู่เป็นสัดส่วนถึง 40.15% ของ การนำเข้ารวมสินค้านี้ของสหรัฐฯ บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ส่งออกมามีไม่กี่ราย น่าจะให้ตัวเลขคาดการณ์การส่งออกได้ใกล้เคียงที่สุด สินค้ารายการนี้มีอัตราการส่งออกมาสหรัฐฯเพิ่มขึ้นทุกปีตั้งแต่ปี 2550 มีอัตราการเพิ่มเกิน 30% ทุกปี

สินค้า ที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า ในอนาคตจะถูกแย่งตลาดคือ ข้าว แต่หากพิจารณาตัวเลขส่งออกแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่าไทยยังคงครองตลาดเป็นอันดับ 1 อยู่ถึง 69.70% ทิ้ง ห่างคู่แข่งอย่างเวียตนามมาก แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะขณะนี้ปัญหาเรื่องข้าวปลอมปน (ข้าวหอมมะลิปนข้าวปทุมในสัดส่วนที่สูงเกินกำหนดกรมการค้าต่างประเทศ แต่ระบุที่บรรจุภัณฑ์ เป็นข้าวหอมมะลิ 100%) กำลังเพิ่มความรุนแรงขึ้นทุกที สคร.นิวยอร์ก ได้รับการร้องเรียนจากผู้นำเข้าว่า ผู้ส่งออกขอขึ้นราคาข้าวหอมมะลิสูงมาก โดยอ้างว่าเพราะค่าเงินบาทที่แข็ง ทำให้ผู้นำเข้าเริ่มคิดจะหันไปนำเข้าข้าวจากประเทศอื่น

3) มาตรการของรัฐในการช่วยอุดหนุนผู้ส่งออกในช่วงวิกฤติค่าเงินบาท

ผู้ ส่งออกในช่วงค่าเงินบาทแข็ง ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขายสินค้า ถ้าขายราคาเดิมก็จะขาดทุนจากการได้เงินบาทมาน้อยลง ถ้าขึ้นราคาสินค้า ก็เสี่ยงต่อการที่ผู้นำเข้าอาจจะหันไปซื้อสินค้าจากประเทศอื่น สินค้าไหนที่ครองตลาดอยู่และมีคู่แข่งน้อยจะได้เปรียบในการขึ้นราคาสินค้า ได้ แต่สินค้าที่มีการแข่งขันสูง จะไม่สามารถทำได้ ดังนั้นรัฐบาลควรต้องมีมาตรการเร่งด่วน ในการช่วยเหลือผู้ส่งออก โดยต้องมีมาตรการระยะสั้นในการลดต้นทุนด้านการเงิน เพื่อที่จะเยียวยาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้ผู้ส่งออกผ่านพ้นวิกฤติช่วงนี้ ไปได้ แต่ก็ควรมีมาตรการระยะยาว เพื่อมิให้สินค้าไทยต้องเสียตลาดให้กับคู่แข่งในอนาคตด้วย

สมจินต์ เปล่งขำ

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

13 กันยายน 2553

_________________________________________________


รายงานการเยี่ยมพบ Hunts Point Economic Development Corporation และเยี่ยมชม Hunts Point Market

เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2553 สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ได้เข้าเยี่ยมชม Hunts Point Market และเข้าพบ Hunts Point Economic Development Corporation พร้อม กับได้จัดทำนัดหมายให้นายประพันธ์ ภัทรประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท) ซึ่งดำเนินกิจการตลาดกลางสินค้าเกษตรครบวงจรในประเทศไทยกับ Hunts Point Economic Development Corporation ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลและประสานงานภายในตลาดกลางสินค้าเกษตร (Hunts Point Market) ณ นครนิวยอร์ก เพื่อศึกษาดูงานตลาด และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการนำมาพัฒนาการดำเนินงานของตลาดไท

คณะฯ ได้เข้าพบหารือกับ Ms. Josephine Infante, President/Founder และ Mr. Jeremie Sautter, Managing Director ของ Hunts Point Economic Development Corporation

Hunts Point Market เป็น ตลาดครบวงจร ตั้งแต่ กระบวนการผลิต จัดจำหน่าย ค้าส่งและค้าปลีก อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้สดต่างๆ สร้างขึ้นในปี 1972 ในพื้นที่ 40 เอเคอร์ 6 อาคาร ในปัจจุบันขยายพื้นที่มากกว่า 60 เอเคอร์ 7 อาคาร มีพนักงานรวมทั้งหมดกว่า 2,400 คน โดยมี The Hunts Point Cooperative Market Inc เป็น หน่วยงานที่ช่วยเหลือและประสานงานระหว่างผู้ประกอบการกับหน่วยงานรัฐบาล ดำเนินธุรกิจและดูแลรักษาสถานที่ตามสัญญาเช่าภายใต้การกำกับดูแลของ City of New York

Hunts Point Market แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ Market Place, Industrial Park และ Residential Area

- Market Place เป็นเขตพื้นที่ของรัฐบาลที่ให้ผู้ประกอบการมาเช่าพื้นที่ทำการค้า มีสัญญาเช่าแบบระยะยาว ปัจจุบันมี 52 บริษัท พื้นที่ใน Market Place แบ่งย่อยออกเป็น 3 ส่วน คือ Fish Market (ตลาดปลา) Produce Market (ตลาดผักและผลไม้) และ Meat Market (เนื้อสัตว์ ) ซึ่งในแต่ละส่วนจะมีหน่วยงานดูแลแบ่งแยกกันออกไป

- Industrial Park เป็นเขตพื้นที่ของเอกชน โดยผู้ที่เข้ามาดำเนินการจะเป็นเจ้าของพื้นที่และชำระค่า Property Taxes (ภาษีที่ดิน) ให้กับรัฐบาลในอัตราพิเศษ โดยกำหนดเป็นสัญญาระยะยาว

- Residential Area เป็นส่วนของที่พักอาศัย จำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้พักอาศัยคือเจ้าหน้าที่และบุคคลากรที่ทำงานใน Hunts Point Market

Hunts Point Market นำ เข้าสินค้าจากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก โดยทางรถไฟ เรือ และรถบรรทุก ลูกค้ามีหลายประเภท อาทิเช่น ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เกต ร้านค้าขายของชำ สถาบันการศึกษา เรือนจำ รวมทั้งผู้จำหน่ายรายเล็ก กลาง ใหญ่ และผู้ค้ารายย่อย

นอก จากนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก และนายประพันธ์ ภัทรประสิทธิ์ ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทย แอ็กโกร เอ็กซเชนจ์ จำกัด (ตลาดไท) ได้มีโอกาสเยี่ยมชมและหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เกี่ยวกับวิธีการเก็บรักษาวัตถุดิบให้มีประสิทธิภาพ กับ Mr. Dosun Jung, General Manager บริษัท C.Kenneth Imports Inc ผู้ประกอบการนำเข้าและจำหน่ายสินค้าอาหาร ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจใน Hunt Point Marketในส่วนของ Industrial Park สินค้า ส่วนใหญ่มาจากประเทศเกาหลี จีน ไทย อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และประเทศต่างๆในแถบแคริบเบียน เป็นต้นโดยบริษัทนำเข้าผลิตภัณฑ์ต่างๆจากประเทศไทยโดยตรงมาแล้ว 25 ปี สินค้า ได้แก่ ข้าว เครื่องปรุงรส ดอกไม้แห้งสำหรับชงชาเป็นต้น บริษัทมีสินค้าใน inventory ถึงกว่า 1,000 รายการ ลูกค้าเป็นกลุ่ม Wholesaler และ Retailer ครอบคลุมฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา

คณะฯ ได้พบปะหารือกับ Mr. Joel Fierman หนึ่งในผู้บริหารบริษัท Fierman Produce Exchange Inc. จำหน่ายผักและผลไม้ ในส่วนของ Produce Market มานานกว่า 25 ปี

แผนพัฒนา Hunts Point Market ใน อนาคตคือ ขยายพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าให้พอเพียงต่อความต้องการของผู้ประกอบการ อีกทั้งปรับปรุงระบบในการรับส่งสินค้าให้สะดวกรวดเร็วและง่ายต่อผู้ซื้อยิ่ง ขึ้น

ที่อยู่ติดต่อ

1. Ms. Josephine Infante

Hunts Point Economic Development Corporation

ที่ตั้ง 355 Food Center Driver, Suite C-104 Bronx, NY 10474

Phone: 718-842-1717 ext 0 Fax: 718-842-6592

Email: jsinfante64@gmail.com Web: www.hpedc.org

2. Mr. Dosun Jung

บริษัท C.Kenneth Imports, Inc

ที่ตั้ง 250 Coster Street Bronx, NY 10474

Phone: 718-378-8400 Fax: 718-378-5859

Email: info@ckennethimports.com Web: Ckennethimports.com

3. Mr. Joel Fierman

บริษัท Fierman Produce Exchange Inc.

ที่ตั้ง Hunts point Terminal Market Row B units 247-256, Row C Unit 372 Bronx, NY 10474

Tel: 718-589-1000 Fax: 718-328-3738

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

8 กันยายน 2553


________________________________________________________

รายงานการเยี่ยมพบผู้นำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับ บริษัท 925 Company

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ได้เดินทางเข้าเยี่ยมพบผู้นำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ บริษัท 925 Company. เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 รายละเอียดดังนี้

1. Profile

1.1 บริษัท 925 Company

1.2 ที่อยู่ 16 west 36th street, 4th Floor , New York, NY, 10018

โทรศัพท์ (212) 378-9730 โทรสาร (212) 378-9724

E-mail: jlbcorp1@yahoo.com, john@925co.com

Website: www.925co.com

1.3 ลักษณะของกิจการ ผู้นำเข้า, ขายส่ง

1.4 บุคคลที่เข้าเยี่ยมพบ Mr. John La Barbera, President

2. ข้อมูลของบริษัท

บริษัทฯ ก่อตั้งเมื่อปี 1995 ปัจจุบันมีพนักงาน 15 คน และมีห้องแสดงสินค้าในย่านอัญมณีของ Manhattan นคร นิวยอร์กบริษัทเป็นผู้นำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากหลายประเทศ เช่น ไทย จีน ณี่ปุ่น เม็กซิโก เกาหลี อินโดนีเซีย อิตาลี และอินเดีย โดยเฉพาะเครื่องประดับที่ทำด้วยเงินส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานไทยที่ส่งสินค้าให้กับบริษัทอยู่ประมาณ 30 โรงงานและจากประเทศอื่นๆ อีกประมาณ 50 ราย

นอก จากนี้บริษัทยังมีความสนใจนำเข้าไข่มุกจากไทยแต่เนื่องจากวัดถุดิบของประไทย มีไม่เพียงพอจึงต้องเปลี่ยนไปนำเข้าจากประเทศจีนแทน ส่วนในเรื่องการออกแบบเครื่องประดับนั้นทางบริษัทให้ความเห็นว่าการออกแบบมี ความสำคัญเพราะแต่ละประเทศมีรสนิยมแตกต่างกันอย่างเช่นประเทศจีนชอบเครื่อง ประดับลักษณะทรงเหลี่ยมมุม ประเทศญี่ปุ่นชอบเครื่องประดับชิ้นเล็กในขณะ

ที่ประเทศอิตาลีชอบเครื่องประดับชิ้นใหญ่ บริษัทจึงต้องมีการศึกษารสนิยมของผู้บริโภคและการออกแบบให้เหมาะสมกับการตลาด

ตลาด สินค้าอัญมณีในสหรัฐแต่ละปีนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามแฟชั่นของตลาดขึ้นอยู่กับ ระยะเวลาของแฟชั่น โดยทั่วไปแล้วแฟชั่นอัญมณีและเครื่องประดับจะมีอายุประมาณ 3เดือนถึง 1ปี

ซึ่งทางบริษัทจำเป็นต้องหาโรงงานผลิตที่สามารถออกแบบและผลิตตามความต้องการของบริษัทได้

บริษัทเป็นบริษัทจัดหา (Sourcing Product) สินค้าให้กับลูกค้าอีกด้วย โดยลูกค้าของบริษัทมี 3 กลุ่มคือ Jewelry Store, Accessories Store, Gift Store รวมถึงห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย

บริษัท จำหน่ายสินค้าชนิดอื่นๆ อีก เช่น ของขวัญและของตกแต่งบ้านรวมถึงสินค้าแฟชั่นต่างๆ ซึ่งในแต่ละปีบริษัทได้เข้าร่วมงานแสดงสินค้า 16-18 แห่งโดยมีงานแสดงสินค้าอัญมณีหลัก

3 งานในสหรัฐอเมริกาคือ JA Show (New York), JCK Show (Las Vegas) และ JIS Show (Miami) ทั้งนี้ทางบริษัทให้ความเห็นว่าการออกแบบสินค้าอัญมณีขึ้นอยู่กับแนวโน้มสินค้าแฟชั่นเสื้อผ้า กระเป๋า

ร้องเท้าของแต่ละฤดูกาล

บริษัท 925 Company ส่งตัวแทน Mr. Robert Madio เดินทางมาชมงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ปีละ 2 ครั้งมาตั้งแต่ปี 1989 ซึ่งในงานที่จะจัดขึ้นในครั้งนี้ระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2553 นี้ Mr.John La Barbera และ Ms. Rosarion La Barbera ก็ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมงานแล้ว

3. ปัญหาและอุปสรรคของบริษัท

3.1 บริษัท ไทยส่วนใหญ่จะมีการออกแบบสินค้าอัญมณีให้กับผู้บริโภคทางยุโรปและตะวันออก กลางซึ่งเป็นชิ้นใหญ่ ไม่ตรงกับรสนิยมของตลาดผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา

3.2 บริษัทเคยสั่งไข่มุกจากประเทศไทยแต่ประเทศไทยมีปริมาณไม่เพียงพอจึงต้องนำเข้าจากจีนแทน

3.3 ปัญหา เศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้สินค้าอัญมณีมียอดขายที่ลดลงเพราะสินค้าอัญมณีเป็น สินค้าฟุ่มเฟือยและผู้บริโภคจะซื้อเป็นอันดับท้ายๆ เมื่อเทียบกับรองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้าแฟชั่นต่างๆ

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

วันที่ 8 กันยายน 2553

______________________________________________________


รายงานการเยี่ยมพบผู้นำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับ บริษัท Ariyawat Ltd.


สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ได้เดินทางเข้าเยี่ยมพบผู้นำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ บริษัท Ariyawat Ltd. เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 รายละเอียดดังนี้

1. Profile

1.1 บริษัท Ariyawat Ltd.

1.2 ที่อยู่ 488 7th Avenue, G5 , New York, NY, 10018

โทรศัพท์ (212) 997-5289 โทรสาร (212) 997-5375

E-mail : suchada89@yahoo.com

1.3 ลักษณะของกิจการ Designer , ผู้นำเข้า

1.4 บุคคลที่เข้าเยี่ยมพบ Ms. Suchada Katatikarn

2. ข้อมูลบริษัท

บริษัทฯ เป็นผู้ออกแบบและตัดเย็บเสื้อผ้าแบรนด์ SUCHADA ใน นครนิวยอร์ก แต่มีประสบการด้านการขายอัญมณีและเครื่องประดับมาก่อนและเคยทำธุรกิจนี้ เมื่อ 20 ปีก่อน ก่อนที่จะมาทำธุรกิจเสื้อผ้าและปัจจุบันมีความสนใจที่จะนำเข้าสินค้าอัญมณี และเครื่องประดับโดยเฉพาะเครื่องประดับที่ทำด้วยทองคำ จึงสนใจที่จะเดินทางไปร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ( Bangkok Gems and Jewelry Fair ) ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 7-11 กันยายน 2553 นี้

บริษัท ต้องการที่จะทำธุรกิจในด้านอื่นนอกเหนือจากการตัดเย็บเสื้อผ้าอย่างเดียว เช่นสินค้าอัญมณี ของขวัญและของตกแต่งบ้านเพราะบริษัททำธุรกิจกับห้างสรรพสินค้าในนครนิวยอร์ก มาเป็นเวลานานมีช่องทางและเครือข่ายที่จะจำหน่ายสินค้า และเห็นว่าสินค้าของไทยมีคุณภาพดีและราคาไม่แพงสามารถเข้าตลาดสินค้าใน อเมริกาได้ อย่างไรก็ตามมีความเห็นว่าสินค้าไทยยังขาดการออกแบบและการผลิตโดยใช้ เทคโนโลยีที่ทันสมัย

ใน ช่วงปลายปี สินค้าของขวัญและของตกแต่งบ้านเป็นที่นิยมของคนในสหรัฐอเมริกาจึงเป็นโอกาส ดีที่บริษัทจะเริ่มหาสินค้าจากประเทศไทยมาจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาเพิ่ม เติมอีกประเภทหนึ่งนอกจากเสื้อผ้า อัญมณีและเครื่องประดับอีกด้วย

3. ปัญหาและอุปสรรคของบริษัท

3.1 ต้องการหา supplier สินค้า อัญมณีและเครื่องประดับในประเทศไทยที่น่าเชื่อถือและผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ แต่อาจจะสั่งจำนวนไม่มาก จึงต้องหาผู้ผลิตที่สามารถรับเงื่อนไขดังกล่าวได้

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

วันที่ 8 กันยายน 2553

______________________________________________________

รายงานการเยี่ยมพบผู้นำเข้าอัญมณีและเครื่องประดับ บริษัท Danwak Jewelry Inc.

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ได้เดินทางเข้าเยี่ยมพบผู้นำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ บริษัท Danwak Jewelry Inc. เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2553 รายละเอียดดังนี้

1. Profile

1.1 บริษัท Danwak Jewelry Inc.

1.2 ที่อยู่ 55 west 47th Street, Suite 860 , New York, NY, 10036

โทรศัพท์ (212) 730-4541 โทรสาร (212) 730-4542

E- mail: ddanwak@aol.com

Website: www. danwak.com

1.3 ลักษณะของกิจการ Designer , ผู้นำเข้า

1.4 บุคคลที่เข้าเยี่ยมพบ Mr. Daniel Waknine, C.E.O

2. ข้อมูลที่ได้รับจากการไปเยี่ยมชม

บริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1990 เป็นผู้ออกแบบและนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ มีสำนักงานในย่านอัญมณีของ Manhattan นครนิวยอร์ก ได้เข้าร่วมงาน แสดงสินค้า Bangkok Gems and Jewelry Fair ในประเทศไทยทุกปี โดยปกติจะเข้าร่วมงานในช่วงต้นปีเพื่อเตรียมสินค้าใหม่ๆ มาจำหน่ายในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สินค้า อัญมณี ขายดี โดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นร้านขายส่ง ขายปลีก และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ในนครนิวยอร์กและยังส่งสินค้าไปจำหน่ายทั่วสหรัฐอเมริกาด้วย

สินค้าอัญมณีของบริษัทส่วนใหญ่เป็น ทองคำและเพชรประมาณ 80% ทีเหลืออีก 20% เป็น สินค้าอัญมณีทำด้วยเงินโดยบริษัทจะนำเข้าตัวเรือนจากประเทศไทยและมาใส่หัว แหวนซึ่งเป็นเครื่องเพชรที่มีราคาแพง ราคาขายปลีกต่อชิ้น ประมาณ 500 เหรียญสหรัฐขึ้นไป นอกจากนี้ทางบริษัท ยังรับออกแบบเครื่องประดับให้กับบริษัทอัญมณีที่สนใจอีกด้วย

บริษัทมีโรงงานอยู่ในประเทศไทย โดยโรงงานในประเทศไทย เป็นโรงงานทำเครื่องประดับแบบ Antique Style ผลิตและส่งให้กับบริษัทเพื่อมาประกอบเพชรและอัณมญีต่างๆ

3. ปัญหาและอุปสรรคของบริษัท

3.1 ปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซาทำให้ต้องลดต้นทุกการผลิตโดยมองหาแหล่งผลิตที่มีราคาถูกลง

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

วันที่ 8 กันยายน 2553

____________________________________________________


No comments: