Tuesday, April 5, 2011

“อรุณ” ผู้บุกเบิก Thai Town Center in Chicago

สัมภาษณ์ พิเศษ
“อรุณ” ...ผู้บุกเบิก TTC ไทยทาวน์ ยกธุรกิจ
ท่องเที่ยวเทียบชั้นดิสนีย์เวิลด์



นับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของนักธุรกิจไทยในชิคาโก สหรัฐอเมริกา “อรุณ สัมพันธวิวัฒน์” ประธานโครงการ ไทย ทาวน์ เซ็นเตอร์ ( Thai Town Center : TTC ) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงความสามารถโน้มน้าวองค์กรรัฐ เทศมนตรีเมืองชิคาโกเข้าร่วมก่อตั้ง โดยอนุมัติภาษีผ่านงบประมาณลงทุนกับคนไทยเชื่อมโยงธุรกิจและสังคมเข้าด้วยกัน อนาคตจะเป็นประตูบานใหญ่สร้างประโยชน์มหาศาลให้ประเทศไทย ครบทุกรูปแบบ ทั้งอาหาร วัฒนธรรม สปา การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และการขยายโมเดลแฟรนไชส์ไทยทาวน์ต่อไปทั่วโลก เทียบชั้นได้กับไชน่าทาวน์ อินเดียว ทาวน์ และจะทำให้เป็นเสมือน Disney World เมืองที่ใคร ๆ ก็ต้องแวะเข้าชม และใช้เงิน

* ที่มาของการลงทุนสร้าง TTC ไทยทาวน์คืออะไร
ผมเปิดร้านอาหารไทย Arun’s Restaurant อยู่ในชิคาโกมานานถึง 40 ปี เมืองนี้มีคนไทยใช้ชีวิตอยู่ราว 1 หมื่นคน ตั้งใจมานานมากว่า เมื่อโอกาสมาถึงต้องผลักดันเปิดไทยทาวน์ขึ้นให้ได้ เพราะจีน อินเดีย เนเธอร์แลนด์ และอีกหลายชาติล้วนมีเขตเมืองของตนเอง ผมและคนไทยทุกคนก็ต้องการบอกชาวโลกว่า ธุรกิจคนไทยกับสังคมความเป็นอยู่ของเรามีศักยภาพไม่แพ้ชาติใด

พอทางเทศมนตรีชิคาโกพาไปอาคารเก่าแก่หลังใหญ่ สร้างเมื่อปี 1930 รูปทรงคล้ายสิ่งปลูกสร้างสมัยรัชกาลที่ 5 เขาให้โอกาสผมยื่นแผนพัฒนาตึกหลังนี้เพื่อทำอะไรก็ได้ เลยตัดสินใจทำข้อมูลส่งอย่างรวดเร็วภายในกำหนด 15 วัน เหลือเชื่อมาก นอกจากเมืองชิคาโกจะอนุมัติให้สร้างไทยทาวน์ เซ็นเตอร์ พื้นที่ 12,500 ตารางฟุตแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ภาครัฐของอเมริกานำเรื่องเข้าสภาประชาชนอนุมัติเงินสดหย่อนภาษี : Tex Incremental Fund สูงสุดถึง 44 % (ปกติเต็มที่จะขอได้ไม่เกิน 25 %) สามารถนำเงินมาเป็นค่าก่อสร้างและปรับปรุงได้สบาย ๆ ที่เหลือก็ระดมเงินขายหุ้นให้คนไทยด้วยกัน และเมืองชิคาโกยังให้สิทธิเปลี่ยนธุรกิจเป็นโซนซี สามารถขายโดยไม่จำกัดไลเซนส์กิจการ จากเดิมคือโซนบี ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

* ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไร มีใครถือหุ้นบ้าง
โครงการไทย ทาวน์ เฟสแรกวางแผนทำร้านอาหารไทยกับสปาไทยต้องใช้เงินทั้งหมด 3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้คนไทยทั้งในชิคาโกและในเมืองไทยจำนวนมากเป็นเจ้าของร่วมกัน ผมจึงใช้วิธีระดมเงิน 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ จากคนไทยที่สนใจซื้อหุ้นโครงการราคา 3 เหรียญสหรัฐ/หุ้น จำกัดไม่เกินคนละ 30,000 เหรียญสหรัฐ ตอนนี้ขายหมดเกลี้ยงก่อนเวลา มีผู้ร่วมทุนก่อตั้ง 50 คน ประกอบด้วย 3 กลุ่ม คือ

กลุ่มแรก ผมกับเพื่อนอีก 2 คน คือ MR.Sunny Leon เชื้อสายจีนอเมริกา จบด้านวิศวเคมี เป็นเจ้าของ IPTV และซันเคสทีวี รายการยอดฮิต นอกจากจะเป็นสื่อที่มีอิทธิพลต่อผู้ชมแล้ว เขายังมีคอนเน็กชั่นที่ดีมากในจีน ส่วน Phillip Du เป็นเจ้าของช็อปปิ้งมอลล์มากมายในกวางตุ้ง มีความพร้อมทางการเงินสูง เมื่อรวมกัน 3 คน จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่ดีมาก กลุ่ม 2 เป็นเทศมนตรีเมืองชิคาโก ถือโดยอัตโนมัติ ในฐานะเจ้าของพื้นที่และผู้ร่วมก่อตั้ง กลุ่ม 3 คนไทยในชิคาโกซื้อเรียบร้อยแล้ว 20 ราย กับในเมืองไทย 10 ราย มีทุกกลุ่มอายุ ส่วนใหญ่เป็นครอบครัวที่พ่อแม่เกษียณแล้ว และลูกมีการศึกษาดีเข้าใจโครงการนี้ว่าทำเพื่อเปิดประเทศไทยสู่หน้าต่างโลกในทุกมิติ

* เฟสแรกแบ่งพื้นที่บริการอย่างไร และจะเปิดเมื่อไร
เฟสแรกจะเปิดบริการได้ภายใน พฤศจิกายน 2554 ส่วนการลงทุนเริ่มจากการทำร้านอาหารและสปาไทยเพราะทำกำไรดี เฉพาะอาหารอย่างเดียวได้แน่นอน ปีละ 4-5 แสนเหรียญสหรัฐ ส่วนสปาได้มากกว่าอีก ลงทุนหนังครั้งแรก จากนั้นก็กินยาว แถมทั้ง 2 ธุรกิจยังขยายผลเป็นแพ็กเกจขายสินค้าอื่นได้อีกมากมาย คือ “อาหาร” นอกจากร้านที่จะดีไซน์ครบทั้ง 5 ภาค ให้เข้ากับรสนิยมของคนในท้องถิ่น โดยคงเอกลักษณ์วัตถุดิบเครื่องปรุงทุกอย่างไว้แล้ว ยังสามารถทำแพ็กเกจได้ทั้งส่งด่วนถึงบ้าน ซื้อกลับบ้าน ชุดสำเร็จรูปพร้อมนำไปทำที่บ้าน หรือเปิดสอนทำอาหารไทย ส่วน “สปา” ต่อยอดเปิดตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางกับสมุนไพรไทย ประโยชน์ใช้สอยมากมาย นักธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจากต้นทางที่เมืองไทยก็จะมีโอกาสได้ส่งออกสินค้าเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น

ประการสำคัญผมเจรจากับเทศมนตรีเมืองชิคาโกได้ข้อสรุปเรียบร้อยแล้ว จะบรรจุไทย ทาวน์ เซ็นเตอร์ ในโปรแกรมท่องเที่ยวหลักของเมืองเพื่อเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยว แต่ละปีมีคนเดินทางเข้ามาจำนวนหลายล้านคน ต่อไปชุมชนแห่งนี้จะทำให้ทั่วโลกรู้จักและเข้าใจความเป็นไทยอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งยังวางแผนไปถึงอนาคต จะขอให้รัฐบาลคุยกันเพื่อลงนามให้ชิคาโกเป็นเมืองพี่น้องกันกับไทย

พื้นที่ 12,500 ตารางฟุต ชั้นล่างใช้เป็นที่ตั้งสมาคมไทย – ชิคาโก นำโบรชัวร์ เอกสาร ข้อมูล แนะนำเมืองไทยให้ทุกชาติรับรู้ ชั้น 1 ดีไซน์ทำร้านอาหารไทยล้วนมีครบ 5 ภาค และระเบียงยื่นออกไป มีมุมอินเทอร์เนตเพื่อให้คนนำคอมพิวเตอร์ไปนั่งทำงานได้เหมือนร้นกาแฟสตาร์บัคส์ ชั้น 2 เปิดสปาไทยอย่างเดียว 6 ห้อง เน้นกะทัดรัด สไตล์บูติค เป็นเหมือนหน้าต่างประเทศแต่ทำกำไรดี ชั้นดาดฟ้าหรือ Rooftop จะร่วมกับเทศบาลเมืองทำสวนรักษาสิ่งแวดล้อม

* เฟส 2 จะลงทุนอะไรเพิ่มบ้าง และใช้งบฯ อีกเท่าไร
เฟส 2 สามารถทำไปพร้อมกับเฟสแรกได้ มีอีก 2 ธุรกิจ คือ ธุรกิจแรก สร้างโรงแรมบูติก 6 ชั้น ขนาด 100 ห้อง ในพื้นที่ 18,000 ตารางฟุต แบ่งชั้นล่างทำล็อบบี้กับบาร์ของว่าง และบาร์เครื่องดื่ม ชั้น 2 – 5 ทำห้องพักชั้นละ 20 ห้อง ชั้น 3 จะสร้างห้องอาหารและเครื่องดื่ม Bangquet Hall จุ 500 – 600 คน จะมีประโยชน์มากสุด เพราะตอนนี้ในชิคาโก ชาวเอเชียอาศัยอยู่หนาแน่น สถานที่แห่งต่อไปจะสามารถจัดงานอีเวนต์ได้อย่างอลังการ ลูกค้าที่จะแห่มาใช้ก็มีทั้ง เกาหลี จีน เวียตนาม อินเดีย ฟิลิปปินส์ ไทย รวมถึงฝรั่งชาติอื่นซึ่งชื่นชอบความแปลกใหม่ ธุรกิจสอง เปิดซูเปอร์มาร์เก็ตอาหาร เครื่องปรุง และผลิตภัณฑ์ครบวงจร

ทั้งหมดจะใช้เงินรวม 10 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยวิธีระดมทุนจากคนไทยด้วยกันเหมือนเดิม กำหนดราคา 5 เหรียญสหรัฐ/หุ้น ขาย 2 ล้านหุ้น กำหนดซื้อได้ขั้นต่ำ 50,000 เหรียญ และไม่จำกัดเพดาน เมื่อลงทุนแล้วจะได้เป็นเจ้าของโรงแรมและซูเปอร์มาร์เก็ตไทยร่วมกัน

สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายสหรัฐลงทุนกับเราครั้งนี้ 1 ล้านเหรียญสหรัฐจะได้
กรีนการ์ดทันที 6 คน

ส่วนอีกโครงการคือ Strip Mall เป็นพื้นที่อาคารร้านค้าย่อย 18 คูหา ตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจา TTC อาจลงทุนไม่เกิน 15 % โดยรับจ้างบริหารกับหาลูกค้ามาเช่าพื้นที่ ส่วนผู้ลงทุนอาจเป็นรายใหญ่เจ้าเดียวเลยก็ได้ เพราะมีลานจอดรถได้ถึง 100 คัน
สำหรับแฟรนไชส์ ไทย ทาวน์ ซิตี้ ตอนนี้เริ่มเข้าไปเจรจาในจีนบางเมือง จะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้