Tuesday, September 14, 2010

The First Thai Town in Chicago


ขอต้อนรับThai Town Center แห่งแรก ในมหานครChicago
โดยการสนับสนุนและอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก
City of Chicago

โครงการ นี้เกิดขึ้นด้วยเจตนารมณ์ของ คุณ อรุณ สัมพันธ์วิวัฒน์ ซึ่งเป็นคนไทยที่ประสบความสำเร็จสูงสุดด้านธุรกิจอาหารไทยในสหรัฐอเมริกามา มากกว่า 20 ปี โดยมีรางวัลเกียรติคุณและรางวัลดีเด่นกว่า 100 รางวัลจากบรรดาสถาบันสื่อที่มีชื่อเสียงระดับโลก นักธุรกิจในสหรัฐอเมริกา บรรดาสื่อมวลชนตลอดจนผู้สันทัดกรณีย์ในวงการอาหาร และธุรกิจหลายต่อหลายท่านในมหานครChicago ย่อมรู้จักชื่อเสียงของคุณอรุณ สัมพันธวิวัฒน์เป็นอย่างดี บ้างปรารภกันอยู่เสมอว่า ทำไมชุมนุมชาวไทยในนครนี้จึงยังไม่มีThai Town ทั้งๆที่ประชาชนชาวไทยในนครนี้ก็มีอยู่มากมายและเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้งอาหารไทยเป็นที่รู้จักและนิยมกันอยู่ทั่วไป บ้างเสนอแนะและลงความเห็นสอดคล้องกันว่า เราควรมีThai Town ที่สามารถแสดงเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทยในต่างแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรามีปัจจัยแห่งความสำเร็จในด้านธุรกิจอย่างพร้อมมูล เกล่าคือ ประการแรกสัมพันธภาพอันดีเยี่ยมกับคณะผู้บริหาร ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้Thai Town ได้รับความเห็นชอบและสนับสนุนจากCity of Chicago ทั้งในด้านการลงทุน และการพัฒนาชุมชน

วัตถุประสงค์ที่สำคัญอย่างยิ่งของโครงการ Thai Town Center (TTC) นี้คือด้านธุรกิจและสังคม เจตนาที่จะให้TTC เป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมไทยด้าน อาหาร สปา โรงแรม สถานจัดเลี้ยงและตลาดไทยขนาดย่อม ซึ่งสามารถนำเสนอสินค้าอันหลากหลายของประเทศไทย โครงการ TTC ได้เริ่มเปิดเสนอต่อชุมชนชาวไทยในนคร Chicago เป็นครั้งแรก ในวันที่ 24 มีนาคม 2553 ณ ศูนย์สมาคมไทยฯ มีผู้เข้ารับฟังการบรรยายจากคณะผู้บริหาร โดยมีคุณ อรุณ สัมพันธวิวัฒน์ เป็นประธานนำเสนอ และได้ให้ความสนใจในโครงการนี้เป็นอย่างมากอีกประมาณ 3 สัปดาห์ต่อมา ผู้ที่สนใจร่วมลงนาม เซ็นต์สัญญาเป็นสมาชิกถือหุ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2553ที่ศูนย์สมาคมไทยฯเช่นกัน จนในที่สุด วันที่ 14 กันยายน 2553 ซึ่งเป็นวันชี้ชะตา กำหนดทิศทางของ TTC คุณอรุณ สัมพันธวิวัฒน์ เป็นหัวหน้านำเสนอและสรุปโครงการนี้ พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอเงินสนับสนุนจาก City of Chicago หลังจากวาระการประชุมสิ้นสุดลง City Council ได้อนุมัติโครงการอย่างเป็นเอกฉันท์ พร้อมทั้งอนุมัติเงินช่วยเหลือในการพัฒนาตามข้อเสนอทุกประการ ในฐานะผู้นำโครงการ TTC และในนามของเพื่อนๆ พี่น้องชาวไทยในนคร Chicago ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจ ใคร่จะเห็น Thai Town เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เรารู้สึกยินดีและประทับใจในความปรารถนาดีของ City of Chicago โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Alderman Margaret Laurino ที่ให้ความสนับสนุนเป็นพิเศษ



อีกไม่นานเกินรอ เราคงได้เห็นและได้ร่วมกิจกรรมทั้งด้านธุรกิจและสังคม ความเป็นปึกแผ่นของชาวไทยในนครแห่งนี้ ดังที่พวกเราชาวไทยในต่างแดนได้รอคอยกันมานานแสนนานสมาคมไทย-อเมริกัน ขอขอบคุณชาวไทยทุกท่านที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนสมาคมฯมาโดยตลอด สำนักงานของสมาคมไทยฯ คงจะมีสถานที่ทำการอย่างถาวรเป็นครั้งแรก ในตึกTTC แห่งนี้ ในทันทีที่การก่อสร้างสิ้นสุดลงประมาณปลายปี พ.ศ. 2554 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้



ขอเชิญชวนนักธุรกิจและพี่น้องชาวไทยมาร่วมกันสร้าง Thai Town Center แห่งนี้ให้เป็นประวัติศาสตร์ จดจารึกไว้ในมหานคร Chicago มลรัฐ Illinois ตลอดไป หากท่านผู้สนใจในโครงการนี้ โปรดติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่
คุณ อรุณ สัมพันธวิวัฒน์ (773) 807-1547 (773) 539-1909
คุณ วัลลภา คงศรี (708) 269-0622
คุณ ชนานาฏ ศุขกิจ (847) 951-8424



The Public Hearing at City Hall, downtown Chicago




คุณ อรุณ สัมพันธ์วิวัฒน์






































































































__________________________________________________


ศูนย์วัฒนธรรมไทยในอเมริกา

พีร์ พงศ์พิพัฒนพันธุ์ : piralv@yahoo.com

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนคนไทยทางแคลิฟอร์เนีย ที่รู้จักกันมานานบางคน ทำให้เห็นถึงแนวคิดหลายอย่างเกี่ยวกับการวิวัฒน์พัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงของชุมชนไทยในอเมริกา โดยที่เพื่อนๆเหล่านี้ทำมาหากินอยู่ที่นี่มานานเกิน 30 ปี กันเป็นส่วนใหญ่

เพื่อนบางคนอยู่ในวัยกำลังใกล้เกษียณ บางคนก็เกษียณไปแล้ว แต่เนื้อใหญ่ใจความที่พวกเขาสื่อถึงผมคือ ความปริวิตกเกี่ยวกับการจัดการชุมชนไทยในอเมริกา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อลูกหลาน

ผมขอแบ่งผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดการชุมชนไทย (ซึ่งก็เหมือนกับชุมชนชาติพันธุ์อื่นๆที่ไปปักหลักอยู่ในอเมริกาและขยายเติบโต) ออกเป็น 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายประชาชนหรือคนในชุมชน ฝ่ายหน่วยงานของรัฐไทยและฝ่ายหน่วยงานของรัฐอเมริกา

การพัฒนาใดๆ ก็ตาม หากว่า 3 ฝ่ายไม่ประกอบกันอย่างบริบูรณ์หรือครบองค์สามแล้ว ก็เป็นเหตุทำให้เชื่อได้ว่า จะไม่ประสบผลสำเร็จ หรือการพัฒนาเป็นไปอย่างเชื่องช้า

เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมของคนไทยในชุมชน แม้เราจะมี ไทยทาวน์ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม แต่มีคำถามเกิดขึ้นว่า ไทยทาวน์ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย และส่งเสริมภาพลักษณ์ของคนไทย ประเทศไทยได้มากน้อยขนาดไหน

ทั้งเวลาพูดอธิบาย ถึงองคาพยพแห่งวิถีชีวิต คนไทยในอเมริกา ที่มีทั้งภาพเล็กและภาพใหญ่ ก็เป็นเหตุให้ได้ข้อเท็จจริงไปอีกแบบหนึ่ง

การวิภัชถ้อยคำในการอธิบายจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพราะคนไทยในประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานของรัฐไทยไม่เข้าใจและไม่พยายามทำความเข้าใจ ทั้งๆที่หากมีความพยายามและให้ความสำคัญเสียหน่อยก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก การใช้จ่ายงบประมาณที่มาจากเงินภาษีของพี่น้องคนไทยในประเทศก็จะเป็นไปอย่างคุ้มค่า

หน่วยงานรัฐไทย สมควรที่จะต้องทำความเข้าใจเพื่อพัฒนาการที่ดีงามและงานบูรณาการชุมชนไทยในอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อการโปรโมทภาพลักษณ์ของประเทศไทยและคนไทย หรือเพื่อวิถีความเป็นอยู่ที่นี่ให้ดีขึ้น รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศก็ตาม

น่าสนใจว่า เจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐไทย ที่ปกติแล้วย้ายไปย้ายมา เพื่อกินตำแหน่ง ชั่วครั้งชั่วคราว แค่ไม่กี่ชั่วข้ามปี ได้ใส่ใจทำการศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชุมชนไทยกันมากน้อยขนาดไหน

อย่างเช่น การสำรวจและวิจัยด้านประชากรคนไทย งานศึกษาและวิจัยด้านประวัติศาตร์และวัฒนธรรมของชุมชนไทยในอเมริกา ซึ่งจะเป็นฐานนำไปสู่การ การเข้าถึงให้ตรงจุด ต่อการพัฒนาชุมชนไทย การโปรโมทประเทศไทย ตลอดถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศอเมริกาในภาพรวมใหญ่

ส่วนใหญ่ที่ทำกันอยู่ขณะนี้ การกำหนดทิศทางหรือนโยบายมาจากรัฐบาลไทยที่กรุงเทพ ส่งผ่านหน่วยงานในต่างแดนเสมือนเป็นแขนขา

หน่วยงานของรัฐไทย อย่างสถานทูต สถานกงสุล เป็นหน่วยงานปลายทาง ขณะที่รัฐบาลเป็นส่วนหัวบัญชาการ เพื่อนผมเป็นห่วงว่า ก็ในเมื่อส่วนหัวไม่ให้ความสนใจที่จะทำความเข้าใจองคาพยพทั้งหมดของชุมชนไทยและคนไทยในอเมริกาแล้ว ส่วนหางก็สักแต่ทำแบบขอไปที ตามหน้าที่ พอย้ายไปรับตำแหน่งที่อื่นก็เป็นอันจบกัน

ดูอย่างงานส่งเสริม(โปรโมท)วัฒนธรรมและประเพณีไทย(เพื่อภาพลักษณ์ สะท้อนเอกลักษณ์ เอกราชของไทย สืบเนื่องต่อไปถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย) ที่กระทำกันในอเมริกาทุกวันนี้ เป็นอาทิ

แทบทุกครั้งในการจัดงานโปรโมทวัฒนธรรมไทย หน่วยงานของรัฐไทย คือ (หน่วยงานของ)กระทรวงการต่างประเทศ จะถูกวางให้เป็นสะดมภ์หลักในการจัดหรือประสานกับหน่วยงานอื่นๆ ทั้งในส่วนของฝ่ายไทยและในส่วนของฝ่ายอเมริกัน ซึ่งข้อนี้ว่าไปแล้วหน่วยงานเอกชนและบุคคลของไทยในอเมริกาเองมีส่วนในการช่วยเหลือเป็นปกติอยู่แล้ว

หลายคนย่อมรู้ว่า งานด้านวัฒนธรรม ย่อมไม่ใช่งานที่กระทรวงการต่างประเทศถนัด ก็ในเมื่อเรามีกระทรวงวัฒนธรรม ที่มีกลไก การทำงาน เรื่องนี้โดยตรงอยู่แล้ว

เพื่อนผมหลายคนไม่เข้าใจว่า ทำไมไม่ดึงหน่วยงานที่ดูแลด้านวัฒนธรรมโดยตรงเข้ามาจัดการงานด้านวัฒนธรรมอย่างมืออาชีพ ก็ในเมื่อเวลานี้รัฐไทยยังมีตัวแทนของกระทรวงอื่นๆตั้งสำนักงานอยู่ได้ เช่น พาณิชย์ คลัง การท่องเที่ยวฯ เป็นต้น

ผมเองเชื่อว่า กระทรวงวัฒนธรรมของเรามีบุคคลากรที่มีคุณภาพอยู่เป็นจำนวนมาก

เพราะภาพของการจัดงานด้านวัฒนธรรมไทยในอเมริกาเวลานี้ ก็คือ การจัดแต่ละครั้งคณะผู้จัด จะต้องขอความช่วยเหลือจากวัดไทย ซึ่งพอมีครูอาสา(ที่ปกติมีประจำอยู่บางวัด) ที่มีความรู้ เฉพาะด้าน ทางด้านวัฒนธรรมไทยแขนงต่างๆอยู่บ้าง

ไม่ใช่เรื่องผิดสำหรับความมือระหว่างวัดไทยกับชุมชนไทย แต่ในเมื่อต้องการเห็นสิ่งที่เรียกว่า งานบูรณาการด้านวัฒนธรรมไทยกันอย่างแท้จริง ซึ่งจะเกิดคุณูปการหลายสิ่งหลายอย่างแล้ว การเอามืออาชีพ หน่วยงานอาชีพ ลงมาน่าจะเป็นประโยชน์อย่างรวดเร็วและมากขึ้นต่อประเทศไทยและคนไทยที่นี่

รวมทั้ง สิ่งที่คนไทยหลายๆคนอยากจะเห็น คือ ศูนย์วัฒนธรรมไทยในอเมริกา

ความหมายก็คือ เมื่อคนไทย คณะคนไทย เยาวชนไทย (หรือแม้กระทั่งคนอเมริกัน)ฯลฯ ต้องการเรียนรู้ และจัดงานด้านวัฒนธรรมไทย พวกเขาเหล่านี้สามารถเข้าไปใช้ทรัพยากรและใช้บริการของศูนย์วัฒนธรรมไทยแห่งนี้ได้

รวมทั้งเชื่อแน่ว่า ศูนย์แห่งนี้ จะช่วยสนับสนุนกิจกรรมด้านวัฒนธรรมของไทยทาวน์แต่ละแห่ง ในแต่ละรัฐได้ นอกเหนือไปจากไทยทาวน์ฮอลลีวูดที่ถือเป็นไทยทาวน์แห่งแรกแล้ว

โดยที่ ไทยทาวน์เอง ก็ไม่จำเป็นต้องมีแห่งเดียว เมืองในรัฐฝั่งตะวันออก เช่น นิวยอร์ค ชิคาโก น่าจะมีสักแห่ง เพราะมีขนาดชุมชนไทยที่ใหญ่เช่นเดียวกัน

เหตุผลอีกประการ คือ หากว่าไปแล้วทุกวันนี้ การทำงานด้านวัฒนธรรม รวมทั้งงานเผยแผ่พระศาสนา มักไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนทั้งคนและอุปกรณ์จากรัฐไทยโดยตรงมากนัก ทั้งที่เป็นความจำเป็น โดยเฉพาะต่อลูกหลานคนไทยที่เติบใหญ่ในต่างแดน

ที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ รัฐบาลหลายประเทศ อย่าง จีน เกาหลี ญี่ปุ่น แม้กระทั่งเวียดนามก็ให้ความสำคัญ และลงมือทำไปแล้ว มีทั้งศูนย์ มีทั้งสื่อ เป็นแหล่งข้อมูล สนับสนุนกิจกรรมด้านวัฒนธรรม ซึ่งจัดเพื่อโปรโมทประเทศแต่ละครั้ง ตามชุมชนของพวกเขาเอง หรือแม้ตามสถานที่แสดงวัฒนธรรมต่างๆในอเมริกา

หากว่าไปแล้ว วัฒนธรรม ถือเป็นฐานสำคัญ และมูลเหตุเชื่อมโยงไปสู่ประเด็นอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเศรษฐกิจหรือประเด็นความมั่นคงระหว่างประเทศคู่สัมพันธ์

โดยเฉพาะสัมพันธ์ประเทศไทยกับอเมริกา ที่เพิ่งผ่านรอบ 175 ปี ไปเมื่อไม่นานมานี้ มีผลประโยชน์พัวพันอย่างแยกไม่ออก ขณะที่อเมริกันนั้น เข้าไปมีศูนย์เพื่อโปรโมทวัฒนธรรมอเมริกันหลายแห่งอยู่ในเมืองไทยมานานหลายปี จะด้วยวัตถุประสงค์ใดก็ตามแต่

การดำเนินการในเรื่องนี้จะให้คุณมากขึ้น หากข้าราชการไทยในอเมริกาในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจะได้เตรียมการจัดหาข้อมูลให้รอบด้าน หลากหลาย ทั้งจากตัวบุคคลและสถานที่

เพราะที่ผ่านๆมา เราเสียเงินประมาณเพื่อพิธีการต้อนรับคณะบุคคลทั้งจากภาคการเมืองและภาคราชการที่เดินทางมาจากเมืองไทยเป็นจำนวนไม่น้อย

ก็ในยุคดิจิตอลนี้ น่าจะพอกันเสียทีสำหรับวัฒนธรรม ช้างเหยีบนา พระยาเหยียบเมือง



3 comments:

Sombat Thavorn said...

Attention: All Participants in the Event

You have done a wonderful success for the Thai people in the USA and Thailand. Cooperation has now been realized for the great start of this Thai Community and is sure to bear fruits in several forms of joint actions for all of us.

Cheers

Regards,
Sombat Thavorn

Unknown said...

To reach out to Thai American ("New generation") and maintain Thai culture, They should learn to speak, read and write THAI LANGUAGE.

Anonymous said...

better have stage for thai fighter
many fight happen at drama
lol